การทำงานแบบ Full-time คือ concept ที่ล้าสมัย
ผมมักจะสะดุดเวลามีคนถามถึงตำแหน่งงานในบริษัทว่าเป็นงานแบบ full-time หรือ part-time
เหตุที่สะดุดเป็นเพราะว่า ผมไม่สนใจคำว่า full-time หรือ part-time มานานหลายปีแล้ว
เวลาทำงานแบบตามใจฉัน
เวลาทำงาน จะกี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มันก็แล้วแต่ตกลงกัน ไม่มีความจำเป็นต้องยึดติดกับตัวเลข 36 หรือ 40 ชั่วโมง — มันอาจจะเป็น 27 ชั่วโมง หรือ 31 ชั่วโมงก็ได้
ผมเคยมีทีมงานที่ติดเรียนไม่จบบางวิชา ทีมงานที่ต้องไปช่วยครอบครัวเป็นบางวัน หรือมีเหตุจำเป็นอื่น ๆ — เราก็ถามกันง่าย ๆ แค่ว่า คุณอุทิศเวลาให้กับทีมของเราได้แค่ไหน
ผมเข้าใจว่าการทำงาน full-time เข้า 9 ออก 6 จันทร์ถึงศุกร์นั้น เกิดมาในช่วงหลัง industry revolution
เมื่อมีเทคโนโลยีการสื่อสารที่ดีกว่าเดิม ทำไมเรายังต้องทำงานในรูปแบบเวลาที่เหมือนเดิม?
งานที่ต้องใช้ความคิด ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบังคับว่าต้องคิดได้ช่วง 9 โมงถึง 6 โมงเย็น — บางทีก็คิดได้ช่วงอาบน้ำ บางทีก็คิดได้ช่วงตื่นนอน — บางทีนอนไม่พอหัวก็ตื้อ คิดอะไรไม่ออก
ถ้าพนักงานจะทำงานให้กับบริษัทเป็นจำนวนชั่วโมงคงที่ทุกสัปดาห์ — ในฐานะบริษัท ก็เป็นการดีกว่ามากที่จะขอเลือกชั่วโมงที่คน ๆ นั้นทำงานได้ประสิทธิภาพสูงสุด — ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตกบ่ายแล้วทีมงานผมจะมีคนไปวิ่งออกกำลัง แล้วค่อยกลับมาทำงาน
การจ้างงานแบบตามใจฉัน
ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่เริ่มจะทำงานมากกว่า 1 งาน
แม้กระทั่งวันนี้ คุณจะเห็นคนทำงานออฟฟิศ ไปพร้อม ๆ กับขายเสื้อ online หรือสร้างเพจ หรือขับ Uber/Grab — บางทีจำนวนชั่วโมงที่ทำเพจ มากกว่าเวลาทำงานออฟฟิศเสียอีก
แล้วเรายังจะเรียกงานออฟฟิศว่า full-time ได้อีกหรือ?
Work is no longer binary
ตราบใดที่คุณค่าที่คน ๆ นั้นสร้างให้ทีมมีมากพอ และจัดการเวลาได้สม่ำเสมอ — ไม่ใช่ว่ารักษา deadline ไม่ได้ หรือติดต่อยาก — เราก็หาวิธีทำงานที่ลงตัวด้วยกันทุกฝ่ายได้
ปัจจุบัน ทีมของเราไม่มีระบบบันทึกเวลาเข้าออก หรือนับวันลาด้วยซ้ำ (ระหว่างที่เขียน มีน้อง 2 คนกำลังลางานไปเที่ยวยุโรป 18 วัน) — ตราบใดที่คุณรับผิดชอบเป้าหมายของตนเองและทีมได้
Kittichai Jirasukhanon worked at Cleverse, a venture builder, with people who have fun building the future. If you also consider building the future a fun and meaningful purpose — let’s find a way we can work together.
You might also like